2. ก
3. ค
4. ง
1. ข
2. ค
3. ง
4. ข
5. ข
6. ก
7. ข
8. ข
9. ค
10. ก
11. ก
12. ก
13. ง
14. ค
15. ง
16. ง
17. ง
18. ค
19. ก
20. ก
1. ข
2. ข
3. ง
4. ก
5. ค
6. ง
7. ก
8. ก
9. ค
10. ข
11. ค
12. ง
13. ข
14. ข
15. ข
16. ข
17. ง
18. ง
19. ข
20. ข
1. อะตอมประกอบไปด้วยโปรตอนและอิเล็กตรอนในจำนวนที่เท่า ๆ กัน คือ แบบจำลองอะตอมของใคร
ก. ดอลตัน1. จำนวนพันธะโคเวเลนต์ในโมเลกุล CH4 , SiCl4 , NaCl , NH3 เป็นกี่พันธะมีค่าเรียงตามลำดับ คือข้อใด
ชนิดพันธะ | พลังงานพันธะ |
C - H | 413 |
C - C | 348 |
ข้อ | ไอออนบวก | ไอออนลบ | สูตรสารประกอบไอออนิก |
ก | D2+ | A3- | D3A2 |
ข | C3+ | B2- | C2B3 |
ค | B+ | A- | BA |
ง | A+ | C- | AC |
1. MSDS หรือ SDS คืออะไร
ก. ฉลากของสารเคมีแต่ละชนิด
ข. เอกสารที่แสดงข้อมูลของสารเคมีแต่ละชนิดเกี่ยวกับลักษณะความเป็นอันตราย วิธีใช้การเก็บรักษาการขนส่งการกาจัด
ค. ข้อกำหนดในการทางานกับสารเคมี
ง. แนวทางในการปฏิบัติงานกับสารเคมี
2. ท่านสามารถหา MSDS ได้จากที่ใด
ก. ร้านขายหนังสือทั่วไป
ข. สืบค้นจากฐานข้อมูลต่างๆ ในอินเทอร์เน็ต
ค. ฉลากข้างขวด
ง. ถูกทุกข้อ
3. จากภาพ สารเคมีชนิดนี้เป็นสารเคมีอันตรายประเภทไหน
ก. สารก่อมะเร็ง สารไวไฟ สารกัดกร่อน
ข. สารไวไฟ สารท าลายสิ่งแวดล้อม สารระคายเคือง
ค. สารระคายเคือง สารกัดกร่อน สารไวไฟ
ง. สารกัดกร่อน สารท าลายสิ่งแวดล้อม สารระคายเคือง
4. ข้อใดคือสัญลักษณ์ของสารกัดกร่อน
5. ทุกใดไม่ใช่กฎทั่วไปในการปฏิบัติงานกับสารเคมีอย่างปลอดภัย
ก. รู้จักสารเคมีที่ใช้
ข. รู้วิธีการปฏิบัติงาน
ค. รู้แหล่งผลิตสารเคมี
ง. มีการจัดการสารเคมีอย่างถูกต้อง
6. ข้อใดเป็นการปฏิบัติงานกับสารเคมีอันตรายที่ถูกต้องและปลอดภัย
ก. ใส่คอนแทคเลนส์เมื่อท างานกับสารเคมี
ข. สวมรองเท้าเมื่อท างานกับสารเคมี
ค. ถ้าไม่มั่นใจว่าเป็นสารเคมีอันตรายอย่างไร ให้ทดลองทาน้อยๆ ดูก่อน
ง. สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เหมาะสมตลอดเวลา
7. ข้อใดเป็นการปฏิบัติงานกับสารเคมีอันตรายที่ถูกต้องและปลอดภัย
ก. สารเคมีที่มีไอระเหย มีกลิ่นฉุน รุนแรง เช่น กรด ฟอร์มาลีน ควรทาภายในตู้ดูดไอสารเคมี
ข. สารเคมีที่มีไอระเหย มีกลิ่นฉุน รุนแรง เช่น กรด ฟอร์มาลีน ควรทาในที่โล่ง ระบายอากาศดี
ค. สารเคมีทุกชนิด ควรท าภายในตู้ดูดไอสารเคมี
ง. ข้อ ก. และ ค. ถูกต้อง
8. ข้อใดแนวทางการจัดเก็บสารเคมีอย่างถูกต้องและปลอดภัย
ก. เก็บรักษาตามค าแนะน าใน MSDS
ข. สถานที่เก็บควรปิดสนิทมิดชิด ไม่ควรให้มีอากาศถายเทสู่ภายนอก
ค. เพื่อประหยัดพื้นที่ควรวางขวดสารเคมีซ้อนกัน โดยภาชนะขนาดใหญ่ไว้ชั้นลางสุด
ง. ถูกทุกข้อ
9. ข้อใดเป็นมาตรการควบคุม ป้องกันอันตรายจากสารเคมีอันตรายที่ดีที่สุด
ก. ติดตั้งพัดลมระบายอากาศ
ข. สวมใส่ถุงมือตลอดเวลาที่ท างานกับสารเคมี
ค. ยกเลิกการใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย หรือเปลี่ยนไปใช้สารชนิดอื่นที่ปลอดภัยกว่า
ง. จัดท าเอกสารความปลอดภัยสารเคมีให้พร้อมใช้ตลอดเวลา
10. เมื่อสารเคมีหกใส่ร่างกายหรือกระเด็นเข้าตา ต้องทาอะไรเป็นสิ่งแรก
ก. รีบไปพบแพทย์ทันที
ข. อาบน้ า หรือล้างตาด้วยน้ำ นานอย่างน้อย 15 นาที
ค. รีบรายงานให้หัวหน้าห้องปฏิบัติการทราบ
ง. แจ้งผู้ร่วมงาน
11. ข้อใดต่อไปนี้ห้ามทิ้งลงอ่างน้ำหรือท่อน้ำทิ้งโดยตรง
ก. สารไวไฟ ข. สารตัวท าละลาย ค. สารไวปฏิกิริยากับน้ำเช่น โลหะโซเดียม
ง. ข้อ ก. และ ค. ถูกต้อง
12. เมื่อเกิดเหตุการณ์สารเคมีหกปนเปื้อนน้อย (minor chemical spill) ในหน่วยงานต้องทำอะไรเป็น
สิ่งแรก
ก. ท าความสะอาดบริเวณที่มีสารเคมีหก
ข. หยุดการปฏิบัติงาน ปิดห้องแล้วรีบออกไป
ค. แจ้งงานอาชีวอนามัยทันที
ง. แจ้งให้ผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นทราบทันที
13. ของเสียสารเคมีชนิดใดที่สามารถทิ้งลงอ่างน้ าหรือท่อน้ำทิ้งได้โดยตรง
ก. สารไวไฟสูง
ข. สารละลายบัฟเฟอร์
ค. ตัวท าละลายที่ไม่ละลายน้ำ
ง. สารไวปฏิกิริยากับน้ำ
14. เมื่อกรด HCl เข้มข้นหกในห้องปฏิบัติการ ควรใช้ neutralizing agent ตัวไหนเหมาะสมที่สุด
ก. ผงถ่านคาร์บอน
ข. โซเดียมไบคาร์บอเนต
ค. น้ำประปา
ง. ทราย
15. วิธีใดเหมาะสมที่สุด สำหรับการต้มสารละลายเมทานอล
ก. ต้มด้วยตะเกียงบุนเสน
ข. ต้มในอ่างน้ำควบคุมอุณหภูมิ
ค. ต้มภายในบีกเกอร์ใส่น้ำตั้งบนตะเกียงบุนเสน
ง. ต้มบน hot plate
16. UN Class 3 มีลักษณะความเป็นอันตรายอย่างไร
ก. แก๊สไวไฟ
ข. ของเหลวไวไฟ
ค. ของแข็งไวไฟ
ง. สารกัดกร่อน
17. เอกสารข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี (Safety Data Sheet, SDS) ในปัจจุบันมีกี่ข้อ
ก. 10 ข้อ
ข. 12 ข้อ
ค. 14 ข้อ
ง. 16 ข้อ
18. ข้อมูลใดไม่ควรพบในเอกสารข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี (Safety Data Sheet, SDS)
ก. สภาพแวดล้อมหรืออุณหภูมิที่เหมาะสมในการจัดเก็บสารเคมี
ข. รูปสัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตรายของสารเคมี
ค. ชื่อบริษัทผู้ขายสารเคมี
ง. ชื่อบริษัทขนส่งสารเคมี
19. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
ก. ระบบ GHS สื่อสารข้อมูลสารเคมีผ่านทางฉลากและเอกสารข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี (SDS)
ข. การจัดท าเอกสารข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี (SDS) เป็นหน้าที่ของผู้ใช้สารเคมี
ค. การจัดทำเอกสารข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี (SDS) เป็นหน้าที่ของผู้ผลิตสารเคมี
ง. ผลิตภัณฑ์เคมีบางชนิดอาจแสดงชื่อสารเคมีหรือรหัสประจำตัวบนฉลากขวด แต่จะแสดงในเอกสาร ข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี (SDS)
20. ข้อปฏิบัติในการเก็บรักษาสารเคมี ข้อใดเหมาะสมที่สุด
ก. กรณีที่สารมีอันตรายหลายประเภทให้จัดเก็บตามลำดับตัวอักษร
ข. ควรแยกเก็บสารเป็นอย่างน้อย 6 กลุ่มหลัก ได้แก่ สารไวไฟ สารกัดกร่อน สารออกซิไดซ์ สารไวต่อน้ า และอากาศ สารที่ลุกติดไฟได้เอง และสารที่ต้องการเก็บรักษาพิเศษ
ค. ภาชนะบรรจุสารเคมีต้องติดฉลากให้ชัดเจน เช่น ระบุสูตรทางเคมีเพื่อบ่งชี้แทนการใช้ชื่อสารเคมี
ง. ถูกทุกข้อ
สารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ มีสมบัติบางประการที่ต่างกัน
การใช้ประโยชน์ของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ
เนื่องจากสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ มีสมบัติเฉพาะตัวบางประการที่แตกต่างกัน เช่น ความสามารถในการนำไฟฟ้า จุดหลอมเหลว จุดเดือด ฯลฯ ดังที่กล่าวก่อนหน้า ดังนั้น เราจึงสามารถนำสารต่างชนิดเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ในด้านที่แตกต่างกันตามความเหมาะสม เช่น
- แอมโมเนียมคลอไรด์ (NH4Cl) และซิงค์คลอไรด์ (ZnCl2) เป็นสารประกอบไอออนิกที่สามารถนำไฟฟ้าได้จากการแตกตัวเป็นไอออนเมื่อละลายน้ำ จึงสามารถนำไปใช้เป็นสารอิเล็กโทรไลต์ในถ่านไฟฉายได้
- พอลิไวนิลคลอไรด์ หรือ PVC (C2H3Cl)n เป็นสารโคเวเลนต์ที่ไม่สามารถนำไฟฟ้าได้
จึงนำไปใช้เป็นฉนวนไฟฟ้าที่หุ้มสายไฟฟ้า
- ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) เป็นสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่ายที่มีจุดหลอมเหลวสูงและมีความแข็งแรงมาก
จึงนำไปใช้ทำเครื่องบด เครื่องโม่ และหินลับมีด
- ทองแดง (Cu) และอะลูมิเนียม (Al) เป็นโลหะที่นําไฟฟ้าได้ดีจึงนำไปใช้เป็นตัวนำไฟฟ้า
โดยโลหะทองแดงสามารถนำไฟฟ้าได้ดีกว่าโลหะอะลูมิเนียมจึงใช้ในสายไฟฟ้าตามอาคารบ้านเรือน
สำหรับโลหะอะลูมิเนียมซึ่งมีลักษณะเบา
ถึงแม้จะนำไฟฟ้าได้ไม่ดีเท่าทองแดงแต่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการนำไปใช้ในกรณีที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายและน้ำหนักของวัสดุ
- อะลูมิเนียม (Al) และเหล็ก (Fe) เป็นโลหะที่นําความร้อนได้ดีจึงนำไปใช้ทำภาชนะสำหรับการประกอบอาหาร
เช่น หม้อ กระทะ
3.4.1 การเกิดพันธะโลหะ
พันธะโลหะ (Metallic bonding) เป็นพันธะภายในโลหะซึ่งเกี่ยวข้องกับ การเคลื่อนย้าย อิเล็กตรอน อิสระระหว่างแลตทิซของอะตอมโลหะดังนั้นพันธะโลหะจึงอาจเปรียบได้กับเกลือที่หลอมเหลวอะตอมของโลหะมีอิเล็กตรอนพิเศษเฉพาะในวงโคจรชั้นนอกของมันเทียบกับคาบ(period)หรือระดับพลังงานของพวกมัน อิเล็กตรอนที่เคลื่อนย้ายเหล่านี้เปรียบได้กับทะเลอิเล็กตรอน(Sea of Electrons) ล้อมรอบแลตทิชขนาดใหญ่ของไอออนบวกพันธะโลหะเทียบได้กับพันธะโควาเลนต์ที่เป็น นอน-โพลาร์ ที่จะไม่มีในธาตุโลหะบริสุทธ์ หรือมีน้อยมากในโลหะผสม ความแตกต่างอิเล็กโทรเนกาติวิตีระหว่างอะตอม ซึ่งมีส่วนในปฏิกิริยาพันธะ และอิเล็กตรอนที่เกี่ยวข้องในปฏิกิริยาจะเคลื่อนย้ายข้ามระหว่างโครงสร้างผลึกของโลหะ พันธะโลหะเขียนสูตรทางเคมีไม่ได้ เพราะไม่ทราบจำนวนอะตอมที่แท้จริง อาจจะมีเป็นล้านๆ อะตอมก็ได้
3.4.1 สมบัติของโลหะ
1.เป็นตัวนำไฟฟ้าได้ดี เพราะมีอิเล็กตรอนเคลื่อนที่ไปได้ง่ายทั่วทั้งก้อนของโลหะ แต่โลหะนำไฟฟ้าได้น้อยลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น เนื่องจากไอออนบวกมีการสั่นสะเทือนด้วยความถี่และช่วงกว้างที่สูงขึ้นทำให้อิเล็กตรอนเคลื่อนที่ไม่สะดวก
2.โลหะนำความร้อนได้ดี เพราะมีอิเล็กตรอนที่เคลื่อนที่ได้ โดยอิเล็กตรอนซึ่งอยู่ตรงตำแหน่งที่มีอุณหภูมิสูง จะมีพลังงานจลน์สูง และอิเล็กตรอนที่มีพลังงานจลน์สูงจะเคลื่อนที่ไปยังส่วนอื่นของโลหะจึงสามารถถ่ายเทความร้อนให้แก่ส่วนอื่น ๆ ของแท่งโลหะที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าได้
3.โลหะตีแผ่เป็นแผ่นหรือดึงออกเป็นเส้นได้ เพราะไอออนบวกแต่ละไอออนอยู่ในสภาพเหมือนกันๆ กัน และได้รับแรงดึงดูดจากประจุลบเท่ากันทั้งแท่งโลหะ ไอออนบวกจึงเลื่อนไถลผ่านกันได้โดยไม่หลุดจากกัน เพราะมีกลุ่มของอิเล็กตรอนทำหน้าที่คอยยึดไอออนบวกเหล่านี้ไว้
4.โลหะมีผิวเป็นมันวาว เพราะกลุ่มของอิเล็กตรอนที่เคลื่อนที่ได้โดยอิสระจะรับและกระจายแสงออกมา จึงทำให้โลหะสามารถสะท้อนแสงซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้
5.โลหะมีจุดหลอมเหลวสูง เพราะพันธะในโลหะ เป็นพันธะที่เกิดจากแรงยึดเหนี่ยวระหว่างวาเลนซ์อิเล็กตรอนอิสระทั้งหมดในด้อนโลหะกับไอออนบวกจึงเป็นพันธะที่แข็งแรงมาก
การเลื่อนไถลของอะตอมโลหะเมื่อถูกแรงกระทำ
พันธะโคเวเลนต์ เกิดจากการใช้เวเลนต์อิเล็กตรอนร่วมกัน ซึ่งอาจจะใช้ร่วมกันเพียง 1 คู่ หรือมากกว่า 1 คู่ก็ได้
- อิเล็กตรอนคู่ที่อะตอมทั้งสองใช้ร่วมกันเรียกว่า “อิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะ”
- อะตอมที่ใช้อิเล็กตรอนร่วมกันเรียกว่าอะตอมคู่ร่วมพันธะ
* ถ้าอะตอมคู่ร่วมพันธะใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 1 คู่จะเกิดเป็นพันธะโคเวเลนต์ที่เรียกว่าพันธะเดี่ยวเช่น ในโมเลกุลของไฮโดรเจน
* ถ้าอะตอมคู่ร่วมพันธะใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 2 คู่จะเกิดเป็นพันธะโคเวเลนต์ที่เรียกว่าพันธะคู่เช่น ในโมเลกุลของออกซิเจน
* ถ้าอะตอมคู่ร่วมพันธะใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 3 คู่จะเกิดเป็นพันธะโคเวเลนต์ที่เรียกว่าพันธะสามเช่น ในโมเลกุลของไนโตรเจน
จากการศึกษาสารโคเวเลนต์จะพบว่า ธาตุที่จะสร้างพันธะโคเวเลนต์ส่วนมากเป็นธาตุอโลหะกับอโลหะ ทั้งนี้เนื่องจากโลหะมีพลังงานไอออไนเซชันค่อนข้างสูง จึงเสียอิเล็กตรอนได้ยาก เมื่ออโลหะรวมกันเป็นโมเลกุลจึงไม่มีอะตอมใดเสียอิเล็กตรอน มีแต่ใช้อิเล็กตรอนร่วมกันเกิดเป็นพันธะโคเวเลนต์ อย่างไรก็ตามโลหะบางชนิดก็สามารถเกิดพันธะโคเวเลนต์กับอโลหะได้ เช่น Be เกิดเป็นสารโคเวเลนต์คือ BeCl2เป็นต้น